Review : Brother DCP-J125 Inkjet Printer ติด Tank ใช้งานง่าย ไร้ปัญหากวนใจ

ผมใชัอิงค์เจ็ตพรินเตอร์มาหลายยี่ห้อ ผ่านมือมาสิบกว่ารุ่น และแล้วก็ต้องมาหยุดที่ Brother J125 และ J315W ด้วยราคาเพียง 3,7xx และ 4,4xx บาทตามลำดับ มาดูกันว่าทั้งสองรุ่นนี้ มีดีอะไร จะมีปัญหามากมายน่าปวดหัวเหมือนพรินเตอร์ติดแทงค์ยี่ห้อดังหรือไม่

ตัวเครื่องมีจอ LCD ขนาด 1.9 นิ้ว ทำให้สั่งงานได้ง่าย จออยู่ในตำแหน่งกลางเครื่อง มีปุ่มสั่งงานรวมอยู่ด้านขวาทั้งหมด ปุ่มทนทานดี ไม่น่าจะลอกหรือเสียหายได้ง่าย

ไม่มีเมนูภาษาไทย แต่รับรองว่าใช้งานได้ง่าย เมนูเข้าใจง่าย เมนูไม่ซับซ้อน

ฝาด้านบนของตัวเครื่อง มีโลโก้ Brother สะท้อนแสงเล็กน้อยคล้ายโลหะแต่ทำด้วยพลาสติก ผิวตัวเครื่องเป็นพลาสติกแบบผิวด้าน ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นรอยง่ายเหมือนผิวสีดำ glossy แบบบางยี่ห้อนิยมใช้ ที่เพียงเช็ดเบาๆก็เป็นรอย ทำให้ดูเก่าเร็ว

ดีไซน์ของตัวเครื่อง บอกตรงๆว่า ไม่สวย ยิ่งใส่ Ink tank แทนตลับหมึกเดิม มันจะยื่นออกมาข้างนอกตามในภาพ อาจจะทำให้ดูเกะกะ

ด้านซ้ายล่าง มีช่องเสียบปลั๊กไฟ 220 โวลต์ขนาดมาตรฐานที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แน่นหนา ทนทานกว่าใช้ Adapter แยก และดีกว่าการใช้ปลั๊กขนาด mini

ด้านขวาเป็นสีเทา เรียบๆ ไม่มีอะไร

ด้านหลังมีฝาเปิดสำหรับดึงกระดาษออก เมื่อเกิดปัญหา Paper jam ซึ่งพรินเตอร์รุ่นนี้ มีทิศทางการวิ่งของกระดาษ เป็นรูปตัว U ตะแคงซ้าย จากล่างขึ้นบน จึงอาจมีปัญหากระดาษติดในช่วงโค้งบ้าง

ปิดฝาช่องใส่ตลับหมึกไม่ได้ เพราะใส่ Tank ที่มีความยาวมากกว่าตลับหมึก Original  ตลับที่ใช้เป็นแบบแยกสี ถอดแยกตลับได้ การเติมสีใช้เข็มฉีดยา ฉีดลงไปใน Tank แบบง่ายๆ ไม่เลอะเทอะ

ขณะใช้งานให้เปิดจุกเล็กไว้ จุกใหญ่ถอดออกเมื่อเติมน้ำหมึกด้วยเข็มฉีดยา หากมีการเคลื่อนย้ายเครื่องบ่อยๆ ควรใช้เทปกาวติดรัดตลับหมึกทั้ง 4 ไว้ด้วยกัน

 

ปุ่มควบคุมสั่งงาน ใช้งานง่าย ทำด้วยยาง กดลึกพอสมควร บางปุ่มจะมีไฟแสดงสถานะ

ข้อสังเกตของ Brother คือ ตลับน้ำหมึกจะอยู่นิ่ง หัวพิมพ์จะวิ่งไปมา จึงไม่ต้องเดินสายน้ำหมึกให้เกะกะ ไม่มีการดัดแปลงสภาพเครื่อง จึงทำให้ไม่สิ้นสุดการรับประกัน ส่งศูนย์บริการได้ โดยใส่ตลับหมึกแท้ลงไป (มาพร้อมเครื่อง) แล้วปิดฝาช่องใส่หมึก แค่นี้ศูนย์บริการก็ไม่รู้แล้วว่าลูกค้าที่ซื้อไป ได้ใส่ Tank แทนตลับหมึกของแท้ แต่ถ้าบางร้านติดตั้งถังรองรับน้ำหมึกเสีย จะสิ้นสุดการรับประกันทันที ซึ่งถ้าใช้งานนน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง

มีช่องใส่ Sony MemoryStick ทั้งสองขนาด และ SD card สำหรับพรินต์ภาพถ่าย โดยไม่ผ่านคอมพิวเตอร์ เลือกภาพจากเมนูบนจอภาพของตัวเครื่องได้เลย

ป้อนกระดาษด้านหน้าในถาดใส่กระดาษ และงานพิมพ์จะออกมาในช่องเหนือถาดใส่กระดาษ

ต้องดึงถาดออกมาใส่กระดาษข้างนอก ถาดนี้ใส่ได้กระดาษ 70 แกรมได้ประมาณ 100 แผ่น

ใส่กระดาษได้หลายขนาด มีตัวปรับขนาดให้พอดีกับกระดาษ

ฝาบนสำหรับเปิดเพื่อสแกนเอกสาร หนังสือหนาๆ ก็สแกนได้เพราะฝาปิดปรับความสูงได้เล็กน้อย

กลไกภายใน เกือบปิดทึบทั้งหมด ฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปได้ยาก กลไกออกแบบได้ดี

เมื่อเปิดจนสุด จะมีขาค้ำไว้ คล้ายกับฝากระโปรงรถยนต์ยุโรปบางยี่ห้อ

ตามสไตล์ของ Brother จะเสียบสาย USB ไว้ภายในตัวเครื่อง แล้วเดินสายลอดตามช่อง ออกมาด้านหลังตัวเครื่อง ก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

ในกล่องให้สายไฟ AC 220 โวลต์มาสองแบบ เป็นปลั๊กที่ใช้งานได้ทั่วโลก สายมีความแข็งแรงดีมาก เส้นโต ดีกว่าพรินเตอร์ทุกยี่ห้อในตลาด

ภายในกล่องแถม Photo paper คู่มือภาษาไทยเล่มหนา เขียนได้ละเอียดดีมาก CD มี 3 แผ่น คือไฟล์คู่มือ ไดรเวอร์ Windows & Macintosh และซอฟต์แวร์สำหรับสแกน

ข้างกล่องระบุว่า ความเร็วในการพิมพ์สีดำ / สี สูงสุดอยู่ที่ 33 / 27 แผ่นต่อนาที ความละเอียดสูงสุด 6000 dpi และขนาดหยดหมึกที่เล็กละเอียดถึง 1.5 พิโคลิตร ตัวเครื่องจะเข้า Sleep mode เมื่อไม่ได้ใช้งานตามระยะเวลาที่กำหนดเองได้

ใครที่ซื้อพรินเตอร์ Brother แบบติด Tank ไปใช้งาน แล้วพบว่าสีไม่สดสวยเหมือน Epson โดยเฉพาะสีดำที่ดูจาง สีสันก็ซีดจาง ดูไม่มีชีวิตชีวา ให้ใช้หมึกเดิมให้หมด แล้วเติมด้วยหมึกเติมของ Epson ลงไป ทดสอบแล้วมากว่า 2 เดือน ก็ใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับหัวพิมพ์

คู่มือเล่มหนา มีบอกวิธีการแก้ไขปัญหาและการสแกนเอกสารอย่างละเอียด จนเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็น่าจะแก้ปัญหาเองได้ ถ้าอาการขัดข้องไม่หนัก ก็คงไม่ต้องติดต่อไปถึงศูนย์บริการ

มาดูสเปคเต็มๆของตัวเครื่องกัน ถ้าใช้งานกับคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง แนะนำให้เพิ่มเงินอีกประมาณ 6 ร้อยกว่าบาท เลือกรุ่น J315W ที่มี Wi-Fi ในตัว จะสะดวกมากในการแชร์และติดตั้ง โดยในออฟฟิศซื้อ J315W มา 2 เครื่องเพื่อรองรับคอมพิวเตอร์ 50 เครื่อง โดยเชื่อมต่อกันผ่าน WLAN ทั้งหมด

จุดเด่นที่น่าสนใจของ Brother ทั้ง J125 และ J315W หลังจากทดลองใช้งานต่อเนื่องทุกวันเฉลี่ยวันละ 250 แผ่น เป็นเวลา 2 เดือน เปรียบเทียบกับ Epson R230 / TX550W

1. ไม่มีปัญหาเรื่องหัวพิมพ์อุดตัน ตัวเครื่องจะล้างหัวพิมพ์อัตโนมัติหลังจากพรินต์ในปริมาณมาก และล้างไม่บ่อย จึงไม่สิ้นเปลืองน้ำหมึก หากเทียบกับ Epson แล้ว Epson จะล้างหัวพิมพ์บ่อยมาก หัวพิมพ์อุดตันบ่อย น้ำหมึกหมดเร็วไปกับการล้างหัวพิมพ์ โดยเฉพาะทุกครั้งที่เปิดเครื่อง
2. ไม่มีปัญหาเรื่องการตรวจจับว่าใช้หมึกปลอม ไม่ต้องรีเซ็ตบ่อยๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการค้นหาหัวพิมพ์ไม่พบ การตรวจสอบปริมาณน้ำหมึกทำได้แม่นยำแม้ว่าใช้ Tank
3. ปัญหากระดาษติดและ feed กระดาษขัดข้อง พบได้น้อยกว่า Epson
4. การติดตั้งผ่าน Wi-Fi ทำได้ง่ายกว่า Epson และไม่พบปัญหาการเชื่อมต่อหลุดที่พบบ่อยใน Epson  ต้องยอมรับว่าระบบ Software ของ Brother เหนือชั้นกว่าจริงๆ รวมทั้งการสแกนผ่าน Wi-Fi ก็ทำได้ง่าย ไม่มีปัญหาใดๆ แชร์ได้ง่าย สแกนลง Memory card ก็ง่าย
5. หมดปัญหาเรื่องความเลอะเทอะในขณะซ่อม เพราะไม่มีสายน้ำหมึก ไม่มีถังเก็บหมึกเสีย
6. ไม่ต้องดัดแปลงสภาพเครื่อง จึงไม่ผิดเงื่อนไขการรับประกันของศูนย์บริการ
7. พรินต์สถิติการใช้งานออกมาดูได้ ข้อมูลละเอียดดี

ข้อสังเกตบางอย่างสำหรับการพิจารณาซื้อ
1. อาจจะใช้กับกระดาษหนาๆไม่ได้
2. ไม่มีถังเก็บหมึกเสีย หากใช้งานหนัก น้ำหมึกเสียจะสะสมไว้ที่ไหน
3. พรินต์รูปภาพได้ช้ามาก แต่คุณภาพดี
4. หมึกปลอมที่มากับเครื่อง สีซีดจาง

เรียบเรียงบทความและถ่ายภาพโดย วรพล ลิ่มศิริวงศ์ (Worapol Limsiriwong)

ติดต่อทำข่าว PR งานแถลงข่าวเปิดตัว / รีวิวผลิตภัณฑ์ / จ้างงาน
โทร. 08-7909-7000  ●  Google+ : worapol@gmail.com
facebook.com/worapol  ●  twitter.com/digitalnext
ท่านสามารถนำบทความนี้ไปเผยแพร่ได้ในสื่อทุกประเภท
แต่ต้องทำลิงค์อ้างอิงมายังบทความหน้านี้ ขอบคุณล่วงหน้าครับ