Review : Honda Brio Amaze รถเล็ก ขับสนุก สำหรับการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย

SONY DSC

Honda เปิดตัว Brio Amaze ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Brio  สร้างขึ้นให้เป็นรถยนต์ Eco car 4 ประตูแบบซีดาน เป็นอีกทางเลือกของคนไทย เพราะก่อนหน้านี้มีเพียง Nissan Almera เพียงตัวเลือกเดียวในตลาดสำหรับผู้ที่อยากได้รถยนต์ Eco car 4 ประตู ซึ่งมีช่องเก็บสัมภาระท้ายรถมากกว่ารถ Hatchback 5 ประตูทั่วไป แต่ถ้าจะมองว่า Brio Amaze คือ Brio ที่ต่อท้ายให้เป็นเก๋ง ก็คงไม่ถูกนัก

ความรู้สึกเมื่อแรกเห็นและสัมผัส Brio Amaze

การเผยโฉมครั้งแรกในโลก เกิดขึ้นบนเวทีของงานเปิดตัว เมื่อแดนเซอร์ของบี้ สุกฤษฎิ์ ได้ขับออกมาจากหลังเวที เมื่อจอดรถ แดนเซอร์ทั้งกลุ่มออกมาจากรถ ซึ่งในรถก็มีบี้นั่งอยู่เช่นกัน สร้างความประหลาดใจกับสื่อมวลชนที่รอถ่ายภาพ ว่านั่งได้อย่างไรในรถคันเล็กๆ รวม 5 คน ครั้งแรกที่เห็นรถ ก็รู้สึกว่าด้านหน้า คล้ายกับ Brio แต่สวยขึ้นเล็กน้อย เพราะมีการเปลี่ยนกันชนให้ดูดีขึ้น แต่ที่สะดุดตา คือท้ายรถ มีแถบโครเมี่ยมขนาดใหญ่มาก ไม่น่าเชื่อว่ารถราคา 4 แสนกว่า จะกล้าให้แถบโครเมี่ยมขนาดนี้ ทำให้ดูหรูหราขึ้นมาทันที รถยุโรปราคา 1-2 ล้านบาท ยังไม่กล้าให้ขนาดนี้เลยจริงๆ

ไฟท้ายออกแบบได้สวยงาม มีความเป็นคริสตัลภายในโคมไฟบ้าง มีการเล่นลวดลายให้สวยงามขณะไฟติดสว่าง บังคับแสงให้คล้ายเป็นรูปตัว C  น่าชมเชยครับ  ดีกว่า Toyota Vios ที่มักง่าย ใช้โคมไฟท้ายแบบธรรมดา เห็นหลอดไฟกลมๆชัดเจน ปล่อยให้แสงกระจายไปทั่ว ไม่มีการเล่นมุมของแสงให้หักเหอะไรเลย ไฟท้ายโดยรวมหลายรุ่นของ Honda จะดูดีกว่า Toyota เสมอ อีกรุ่นที่ออกแบบไฟท้ายได้แย่ คือ Mitsubishi Mirage  ในตัวโคมไฟ ไม่มีลูกเล่นอะไรเลย ไฟขุ่นมัว ไม่มีความสวยงามเลย

เมื่อเปิดประตูรถ ก็ไม่ประทับใจแล้ว ค่อนข้างเบา กลไกไม่ค่อยดี น่าจะผ่อนแรงได้ดีกว่านี้ การเข้าออกในตัวรถ ทำได้ค่อนข้างดี ไม่แคบหรือลำบากในการเข้าออก เบาะผ้ามีฟองน้ำข้างในที่นุ่มค่อนข้างสบาย ไม่แข็งเหมือนเบาะผ้าทั่วไป ของ Brio Amaze นั่งแล้วจะยุบลงไป

แต่เบาะต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่วางเท้า ทำให้คนที่ขายาว สูงเกิน 155 ซม. จะเมื่อยถ้านั่งนานๆ เพราะเบาะสั้นและเตี้ย ไม่รองรับกล้ามเนื้อขาด้านหลัง ไม่มีที่วางเท้าที่เหมาะสม จะเลื่อนเท้าไปไว้ใต้เบาะคู่หน้าก็แคบมาก ถ้าไม่ยืดเท้าออกไป ก็จะเมื่อยเพราะต้องเกร็งขาไว้ตลอดเวลา ส่วนเบาะคู่หน้า ก็ต่ำเช่นกัน แต่ไม่เมื่อยง่ายเหมือนเบาะหลัง

เบาะคู่หน้าปรับความสูงไม่ได้ สรุปว่ารถคันนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคนร่างสูง เบาะนุ่มสบายก้น แต่เมื่อยขา ภายในสีเบจ ช่วยหลอกตาให้รถดูโปร่งกว้าง ลดความอึดอัด

วัสดุภายใน คอนโซล พวงมาลัย และทุกๆชิ้น คุณภาพปานกลาง ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะต้องลดต้นทุน เพื่อให้ขายในราคาต่ำได้

ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังมีมากพอเกินราคา น้อยกว่า Honda City แต่ก็ถือว่าเยอะ จุดนี้ได้เปรียบกว่า Hatchback 5 ประตูมากครับ คนอ้วนน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัม ลงไปนอนเล่นได้สบายๆ มีคนลองแล้ว

ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์ 4 ประตู ที่เน้นความประหยัด ใช้ในเมืองเป็นหลัก แต่ขับทางไกลก็สามารถเร่งแซงได้ดี นั่งหลายคนแล้วไม่อืด ก็ลองขับทั้ง Nissan Almera และ Honda Brio Amaze ดูก่อนตัดสินใจครับ  Almera จะได้เปรียบในเรื่องความกว้างสบายเทียบเท่ารถยนต์ราคาเกือบหนึ่งล้านบาท เครื่องยนต์เล็กกว่า แรงม้าน้อยกว่า แต่ไม่อืดอย่างที่คิด ส่วน Brio Amaze จะได้เปรียบตรงที่จอดง่ายกว่า เพราะรถสั้น ศูนย์บริการก็บริการได้น่าประทับใจกว่า

เรื่องความปลอดภัย Brio และ Brio Amaze นั้นด้อยกว่าคู่แข่ง เพราะต้องลดต้นทุนสุดๆ สองรุ่นนี้พัฒนาในประเทศไทย ต่างจาก Nissan Almera และ March ที่จำหน่ายแล้วทั่วโลก ในประเทศที่เข้มงวดเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและมลภาวะ นิสสันก็นำเข้าสองรุ่นนั้นไปจำหน่ายได้ จึงน่าไว้วางใจมากกว่า

ลองขับให้ครบ อย่าตัดสินใจเพียงแค่ตัวเลขจากการเปรียบเทียบสเปคใน Catalog  ส่วนเรื่องศูนย์บริการใกล้บ้านกับชุดแต่ง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนในการตัดสินใจ ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่ปริมาณของศูนย์บริการ ไม่ใช่ปัจจัยในการพิจารณา เพราะศูนย์บริการอาจมีมากมายทั่วเมือง คุณก็นำรถเข้าไปแค่แห่งเดียวเป็นประจำอยู่แล้ว

Brio Amaze มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่
ราคา 454,000 บาท – Honda Brio Amaze S เกียร์ธรรมดา
ราคา 493,000 บาท – Honda Brio Amaze S เกียร์อัตโนมัติ
ราคา 482,000 บาท – Honda Brio Amaze V เกียร์ธรรมดา
ราคา 521,000 บาท – Honda Brio Amaze V เกียร์อัตโนมัติ

สำหรับสีภายนอกของ Brio Amaze มีให้เลือก 5 สี คือ สีดำคริสตัล (มุก), สีแดงคาร์เนเลียน (มุก), สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก), สีขาวทาฟเฟต้า และสีใหม่ 1 สี คือ สีม่วงมารีน (มุก) ทั้งนี้ลูกค้ารถยนต์คันแรกที่จอง Brio Amaze ภายในสิ้นปีนี้ สามารถรับสิทธิ์เงินคืนภาษีได้ตั้งแต่ 65,000 – 73,000 บาทแล้วแต่รุ่นย่อยที่เลือก

รีวิวจากการทดสอบขับจริง

ล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2556  ฮอนด้าจัดโปรโมชั่นผ่อน Honda Brio Amaze แบบสบายๆ 15 เดือนแรก เพียงเดือนละ 3,691 บาท จากหน้าเว็บ http://www.honda.co.th  ยิ่งช่วยทำให้หลายคนที่อยากได้ก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น  โดยจ่ายเงินดาวน์เพียง 59,999 บาท แถมประกันภัยชั้น 1 ฟรีอีกด้วย  ดูตารางราคาเงินผ่อนทั้งหมดได้ที่ http://www.hondaleasing.co.th/th/news-promotions/news/news_detail.php?Id=36

เหตุผลที่ฮอนด้าต้องออกโปรโมชั่นนี้มา เพราะต้องการกระตุ้นยอดขายในปีนี้ให้ได้ตามเป้า และรีบคว้าลูกค้าก่อนที่ Toyota Yaris Eco จะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันนี้  ซึ่งนั่นเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างมากของ Honda Brio และ Brio Amaze

เริ่มต้น เรามาดูรถยนต์คันจริงกันก่อน (ภาพถ่ายทั้งหมดในบทความส่วนที่เป็นรีวิวเป็นผลงานของทีมงานเว็บไซต์ 9carthai.com  แต่เรียบเรียงบทความโดยผมเอง เจ้าของเว็บไซต์ next.in.th  ซึ่งบทความรีวิวนี้จะลงในเว็บไซต์ 9carthai.com ด้วยเช่นกัน)

DSC_0095

DSC_0100

1

2

Brio Amaze คันที่รีวิวในครั้งนี้เป็นสีขาว สียอดนิยมในยุคนี้ ขับรถไปจอดทุกห้าง พบเจอแต่รถยนต์รุ่นใหม่สีขาวจอดกันเต็มไปหมด  กุญแจรถแบบมีรีโมตในตัว ขนาดไม่ใหญ่ พกพาสะดวก ดีไซน์ดูธรรมดาๆ ไม่ได้สวยหรูอะไร

DSC_0105

ก่อนอื่น ขอเดินดูดีไซน์ของ Brio Amaze รอบคันก่อนเข้าไปในรถ

DSC_0109

ไฟท้ายมีขนาดใหญ่โดดเด่น มีบางส่วนสะท้อนเค้าโครงของไฟท้ายมาจาก Civic และ City  เป็นสไตล์ที่คล้ายกัน

DSC_0123

ดูเป็นรถเก๋งเล็กที่มีสัดส่วนสั้น จอดได้ง่าย เหมาะสมสำหรับผู้ที่เพิ่งหัดขับและมีรถยนต์เป็นคันแรก

DSC_0127

DSC_0128

DSC_0129

DSC_0130

DSC_0131

ไฟหน้าขนาดใหญ่ตามสไตล์ของฮอนด้า  เส้นสายของตัวรถ ลากพาดผ่านตั้งแต่ด้านหน้ารถไปจนถึงไฟท้ายด้านหลัง

DSC_0132

DSC_0133

DSC_0134

คิ้วท้ายเป็นแถบโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ดูหรูหราเกินราคาเป็นอย่างมาก  ต่างจากคู่แข่งที่มักใช้พลาสติกสีดำด้านในรุ่นเกรดระดับล่างสุด  ฝาท้าย สามารถเปิดได้จากคันโยกด้านข้างเบาะคนขับ  หากอยู่นอกตัวรถ ต้องใช้กุญแจไขฝาท้าย เพราะไม่มีปุ่มกดเปิด

DSC_0135

DSC_0145

รุ่นนี้ไม่มีไฟตัดหมอก ใส่เพิ่มไม่ได้ กระจังหน้ามีแถบโครเมี่ยม 2 เส้นขนาดใหญ่  ดูดีมีราคากว่าการใช้พลาสติกสีดำด้าน

CSC_0353

เสาอากาศแบบดึงเองด้วยมืออยู่ที่ฝั่งคนขับรถ

CSC_0356

รุ่นที่ทดสอบ ไม่ใช่รุ่นต่ำสุดที่ใช้ฝาพลาสติกครอบล้อ จึงมีลวดลายของล้ออัลลอยด์เป็นอย่างในภาพ  ซึ่งดีไซน์ไม่สวยเลย  เชื่อว่าจะถูกปรับดีไซน์ให้สวยขึ้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ในปี 2557

DSC_0094

ไฟเลี้ยวอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน

DSC_0102

ไฟท้ายมีดีไซน์สวยงามพอสมควร

DSC_0192

DSC_0191

เครื่องยนต์ i-VTEC การันตีได้ถึงความแรงในการเร่งแซง แต่ก็ไม่เปลืองน้ำมันมากเท่าไรนัก

DSC_0166

เปิดประตูรอบคัน

DSC_0173

รถดูสั้นป้อม แต่ช่องเก็บสัมภาระท้ายรถ ก็ดูมีความจุพอสมควร แต่ยังน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage อย่างชัดเจน

DSC_0178

ฝากระโปรงเปิดขึ้นไม่ยาก สาวตัวเล็กๆ ก็เปิดเองได้

DSC_0336

DSC_0337

DSC_0338

ดูกันใกล้ๆ ว่าคิ้วท้ายโครเมี่ยมขนาดใหญ่แวววาวสวยงามขนาดไหน  บวกกับโลโก้ของ Brio Amaze สองบรรทัด และอีกข้างเป็นโลโก้ i-VTEC  วางตำแหน่งจัดวางได้ลงตัว

DSC_0340

ช่องเติมน้ำมัน อยู่ฝั่งซ้าย

DSC_0348

เสาอากาศแบบอ่อน ควรดึงอย่างระมัดระวัง

DSC_0349

DSC_0350

กระจกมองข้าง ค่อนข้างกว้าง มุมมองเหมาะสม ทัศนวิสัยถือว่าดีพอสมควร

DSC_0362

โคมไฟหน้า ไม่มีลูกเล่นอะไรภายในโคม ดูธรรมดามาก ดีไซน์รั้งอันดับท้ายในตลาดรถยนต์ระดับล่าง

DSC_0198

DSC_0200

DSC_0203

มีไฟเลี้ยวด้านข้าง เพราะไม่มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง เป็นเรื่องของความปลอดภัยที่ตัดทิ้งไม่ได้ แม้รถราคาประหยัด

DSC_0205

DSC_0206

DSC_0208

มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ ทรงยาว เปิดง่ายกว่า Eco car บางรุ่นในตลาดที่ใช้มือจับประตูแบบยกขึ้น

DSC_0212

DSC_0213

ท่อไอเสียแบบท่อเดียวฝั่งขวา

DSC_0310

DSC_0311

DSC_0335

ไฟเบรคแบบ LED และไฟท้ายที่บังคับแสงเป็นรูปตัว D  จุดนี้น่าชื่นชมอย่างมาก  ฮอนด้าใส่ใจในการออกแบบไฟท้ายของรถยนต์หลายรุ่น  แม้ว่าไม่ได้ใช้ไฟท้ายแบบ LED แต่ก็พยายามทำโคมไฟให้มีซับซ้อนภายในและหักเหสะท้อนแสงได้ดีเยี่ยม ไฟท้ายติดสว่างสวยงาม แสงกระจายทั่ว ไม่ได้สว่างแค่ตำแหน่งหลอดไฟ  ต่างจากคู่แข่งหลายยี่ห้อในตลาด ที่ทำไฟท้ายแบบใส เห็นหลอดไฟชัดเจน  ไม่มีการเล่นมุมหักเหแสง  แบบนั้นดูเหมือนรถไม่มีราคาเลยจริงๆ

DSC_0083

ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีเบจ ดูสว่างและกว้าง  คอนโซล แผงควบคุม พวงมาลัย ที่เปิดประตู เบาะนั่ง ดีไซน์ดูเชยไปหน่อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน  สังเกตว่าเครื่องเสียงอยู่ไกลจากมือคนขับ

DSC_0084

ระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารตอนหลังกับหลังเบาะคู่หน้า เหลือเพียงเล็กน้อย  แต่เบาะหลังเป็นฟองน้ำที่นุ่ม นั่งแล้วมีอาการเมื่อยน้อยกว่า Eco car รุ่นอื่น  มีที่วางแขนตรงกลางเบาะหลังอีกด้วย

DSC_0089

เครื่องเสียงมีปุ่มน้อย ดูเหมือนใช้งานง่าย แต่กลายเป็นว่า ตัดปุ่มที่ควรจะมี ออกไปหลายปุ่ม เช่น ปุ่มเลือกสถานีวิทยุที่เราบันทึกไว้ 1-6 สถานีแรก  มีช่องต่อ AUX และสาย USB

DSC_0066

DSC_0068

DSC_0070

ปลายเบาหน้าทำมุมยกสูงรองหลังหัวเข่า  นั่งสบาย ออกแบบได้เหมาะสมกับสรีระ

DSC_0079

DSC_0078

พนักพิงศีรษะแบบชิ้นเดียวกับเบาะพิงหลัง เพื่อลดต้นทุน แต่ก็ไม่มีปัญหากับการใช้งาน

DSC_0242

มาตรวัดแบบเรืองแสงสีส้มเช่นเดียวกับรถยนต์ Eco car ทั่วไป  ไฟสีขาวหรือสีฟ้า ถูกนำไปใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นที่สูงกว่า

DSC_0277

ที่เปิดประตู เป็นพลาสติกสีเบจ ดู Look cheap ไม่มีโครเมี่ยม เป็นอีกจุดที่ด้อยกว่าคู่แข่ง

DSC_0255

สาย USB สำหรับเสียบ MP3 Flashdrive ค่อนข้างเกะกะ

DSC_0240

มาตรวัดรอบและไฟแสดงผลอื่นๆ จะอยู่ด้านข้าง ดูยากเล็กน้อย

DSC_0236

DSC_0235

สวิตช์ไฟเลี้ยว ไฟหน้า และที่ปัดน้ำฝน เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป

DSC_0224

ผิวพลาสติกแบบลื่น วางของไม่ได้ เสียดายที่ฮอนด้าน่าจะทำผิวสังเคราะห์ให้ดูดีหรือผิวสัมผัสคล้ายหนังเย็บ

DSC_0220

รุ่นนี้ไม่มีปุ่มสตาร์ต ต้องใช้กุญแจปกติ

DSC_0218

พวงมาลัย 3 ก้านสีเทาแบบแข็งและลื่น ดูด้อยกว่า Honda City / Jazz

DSC_0301

เพดานห้องโดยสารเป็นสีเบจ ดูสว่าง มีพื้นที่เหนือศีรษะว่างอยู่พอสมควร ดูค่อนข้างโปร่งโล่ง

DSC_0303

คันโยกเปิดฝาถังน้ำมันและท้ายรถ

DSC_0186

ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า ไม่เกะกะหัวเข่าผู้โดยสาร

DSC_0284

มีกระจกเงาสำหรับผู้ขับเพียงคนเดียว (เฉพาะรุ่น)

DSC_0278

ปุ่มสั่งงานที่ประตูคนขับ มีครบครัน

DSC_0276

มีช่องเก็บของและขวดน้ำที่ประตูทุกบาน

DSC_0259

ขั้วต่อ USB ดูแข็งแรงทนทาน

DSC_0273

ช่องเก็บสัมภาระ

DSC_0275

ประตูหลัง มีช่องลำโพง ช่องใส่ของ และขวดน้ำด้วย

DSC_0252

ปุ่มปรับแอร์ ใช้งานง่าย ตัวอักษรใหญ่ เห็นชัดเจน

DSC_0253

สวิตช์ไล่ฝ้ากระจกหลัง

DSC_0258

ฝาปิดขั้วต่อปลั๊กไฟแบตเตอรี่ ปัจจุบันนิยมใช้เสียบที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครใช้จุดบุหรี่แล้ว

DSC_0251

เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทะยานอย่างนุ่มนวล ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนระดับเกียร์

DSC_0183

DSC_0163

มุมของเสา ใกล้กระจกมองข้างทั้งสอง บดบังมุมมองขณะเลี้ยวรถไปพอสมควร แต่ไม่เป็นปัญหาในการขับ

DSC_0149

เบาะพิงหลัง ดีไซน์บางแต่ก็นั่งแล้วค่อนข้างสบาย แต่ไม่มีที่วางแขน อาจจะเมื่อยบ้าง

DSC_0160

ช่องแอร์แบบนี้ บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่แอร์ก็เย็นเร็วดี ลมแรงทั่วถึงภายในห้องโดยสาร

DSC_0146

DSC_0327

DSC_0323

ที่ใส่ขวดน้ำนับแล้วได้ 6-7 ขวด  เยอะจริงๆ

DSC_0315

ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า

DSC_0316

คันเร่งและแป้นเบรค มีระยะห่างพอสมควร

DSC_0321

การเข้าไปนั่งในห้องโดยสารตอนหลัง  ทำได้ดีพอสมควร ไม่แคบจนอึดอัดถึงขนาดว่า ไม่รู้จะแหย่ขาเข้าไปได้อย่างไร

ทดสอบขับบนถนนราชพฤกษ์

เส้นทางที่เราใช้ทดสอบขับ เป็นถนนราชพฤกษ์ในช่วงกลางคืน  ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ดี การจราจรไม่หนาแน่น ทดสอบเร่งแซงได้ ผิวถนนเรียบดี ไม่ค่อยมีการปะซ่อมแซมผิวการจราจร และไม่มีจุดกลับรถที่เกาะกลางถนน

เราพบว่า อัตราเร่งทำได้ดี เร่งแซงได้สบายๆ เครื่องยนต์ i-VTEC (1.2 ลิตร 90 แรงม้า) มีสมรรถนะที่ดี ตอบสนองได้ดั่งใจ  ทดสอบขับเข้าโค้งที่ความเร็ว 80-100 km/h  ก็ยังมั่นใจได้ถึงการเกาะถนนได้ดี ไม่ต้องกลัวว่าหลุดโค้ง

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจากการทดสอบขับบนถนนราชพฤกษ์ ที่ความเร็ว 80-100 km/h ตลอดทาง ถนนโล่งๆ ในเวลากลางคืน ได้ตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก คือ 25.3 km/l  ส่วนการขับในตัวเมืองกรุงเทพฯ ที่รถติดพอสมควร ได้ตัวเลขอยู่ที่ 13.7 km/l  ก็ยังถือว่าน่าพอใจ ประหยัดน้ำมันดีมาก  เปิดแอร์ตลอดในการทดสอบ แอร์เย็นเร็ว  ไม่มีการปิดแอร์เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดูประหยัดน้ำมันมากเป็นพิเศษ  ทั้งหมดนี้เป็นการทดสอบด้วยสภาพการใช้งานจริงของคนทั่วไป

ข้อสังเกตของ Honda Brio Amaze

– ไฟส่องสว่างสำหรับอ่านแผนที่ มีเพียงดวงเดียวตรงกลางห้องโดยสาร สว่างไม่เพียงพอ
– เครื่องเสียงเล่น CD ไม่ได้  และไม่มีปุ่มเลือกคลื่นสถานีวิทยุ 1-6 ช่องแรกที่เราบันทึกไว้ ตัดปุ่มที่สำคัญออกไป
– ฝาท้ายไม่มีปุ่มเปิดจากภายนอกรถ ต้องใช้กุญแจไข
– สาย USB ยาวเกะกะ น่าจะทำเป็นขั้วติดคอนโซลไว้ ไม่ต้องมีสายห้อยออกมา
– ปุ่มเลื่อนกระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับ เลื่อนลงอัตโนมัติจนสุดด้วยการกดครั้งเดียว  แต่เลื่อนขึ้นปิดกระจก จะต้องกดแช่ไว้

เปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่ระดับราคาเดียวกัน

รถยนต์ซีดาน 4 ประตูที่เป็น Eco car ในตลาดปัจจุบัน ก็มี Mitsubishi Attrage และ Nissan Almera  และราคาของ Brio Amaze รุ่นท็อป ก็ยังใกล้เคียงกับรถยนต์ B-segment เกรดล่างสุด เช่น Toyota Vios, Honda City, Suzuki Swift  รวมทั้ง Eco car แบบ Hatchback 5 ประตูอีกหลายรุ่น  บางคนก็นำมาเป็นตัวเลือกที่กำลังพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อ

Brio Amaze เหมาะสมกับวัยรุ่น นิสิตนักศึกษา และผู้ที่เพิ่งทำงาน เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง รถยนต์คันแรกที่ผ่อนแบบสบายๆ

จุดเด่นของ Brio Amaze ที่เหนือคู่แข่งทั้งหมดเหล่านั้นคือ สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีกว่า เบาะนั่งที่นุ่มกว่า ท้ายรถที่ดูสวยงามหรูหรา ไฟท้ายเท่ล้ำหน้าเกินราคา  รวมทั้งแบรนด์ฮอนด้าที่คนไทยวางใจ มีศูนย์บริการที่บริการได้น่าประทับใจ

แต่จุดที่ยังด้อยกว่าคู่แข่ง คือ ความกว้างสบายภายในห้องโดยสาร และดีไซน์ทั้งภายใน-ภายนอกที่ดูเชย ขัดตา มีหลายจุดที่ไม่สะดวกในการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ภายในห้องโดยสาร ยังดูไม่ดีนัก เป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงในอนาคต

โดยเฉพาะ Vios รุ่นใหม่มีความสวยงามลงตัวอย่างมากทั้งวัสดุและการออกแบบภายใน  ส่งผลให้ Yaris Eco รุ่นใหม่ได้รับอานิสงค์ของสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปด้วย  เป็นตัวอย่างที่ดีของรถยนต์ราคาถูก ที่พิถีพิถันในการออกแบบและเลือกใช้วัสดุ  ซึ่งก็อยากให้ Honda ใส่ใจในจุดนี้ด้วย

Attrage คู่แข่งที่สำคัญของ Brio Amaze  มีดีไซน์ที่สวยงามหรูหรากว่าหลายเท่า มีชุดแต่งให้เลือกมากมาย  หรือ Almera ก็มีความโดดเด่นในเรื่องห้องโดยสารขนาดใหญ่เทียบเท่ารถยนต์ราคา 8-9 แสนบาท

อยากให้ผู้อ่านทดลองขับและแวะชม Honda Brio Amaze เปรียบเทียบกับคู่แข่ง  ถ้าเป็นแฟน Honda มายาวนาน ก็คงเลือก Honda แน่นอนอยู่แล้ว  แต่สมรภูมิตลาดรถ Eco car ที่แข่งกันดุเดือดมาก  ก็ทำให้ Honda ประมาทไม่ได้  เพราะผู้นำของตลาดนี้ในประเทศไทยยังคงเป็น Nissan อยู่ ที่เปิดตัว March และ Almera จนประสบความสำเร็จมาก่อน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ http://www.honda.co.th/brioamaze หรือ Honda Call Center
โทร. 02-341-7777, 02-341-7888 และ 02-341-7999

________________________________________________________________

ถ่ายภาพและเรียบเรียงบทความวิจารณ์โดย วรพล ลิ่มศิริวงศ์ (Worapol Limsiriwong)

Camera 360ติดต่อทำข่าว PR งานแถลงข่าวเปิดตัว / รีวิวผลิตภัณฑ์
โทร. 08-7909-7000   ●  Google+ : worapol@gmail.com
facebook.com/nextinth  ●  twitter.com/digitalnext

ท่านสามารถนำบทความนี้ไปเผยแพร่ได้ในสื่อทุกประเภท
แต่ต้องทำลิงค์อ้างอิงมายังบทความหน้านี้ เพื่อให้เครดิต
และควรขออนุญาตก่อนนำภาพถ่ายในบทความไปใช้

4 คิดบน “Review : Honda Brio Amaze รถเล็ก ขับสนุก สำหรับการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย

  1. Pingback: Honda Amaze to launch in April with diesel option from Day 1

  2. คุณที่วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยของ บริโอ้ อเมซ บอกว่าความปลอดภัยด้อยกว่าคู่แข่ง ผมคิดว่าคุณควรจะไปศึกษาให้ดีก่อนดีกว่านะครับ ก่อนมาวิจารณ์ อย่าลืมว่า บริโอ้ อเมซ ให้ถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุุ่นนะครับ ตั้งแต่รุ่นธรรมดาจนถึงรุ่นท็อป ค่ายอื่นกว่าคุณจะได้ถุงลมนิรภัยสักใบนึง คุณต้องเสียเงินซื้อรุ่นท็อปเท่านั้นถึงจะได้อ๊อฟชั่นตัวนี้ ส่วนเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ เทียบกัน ระหว่าง มาร์ช กับ บริโอ้ อเมซ ถ้าวิ่งทางไกล เรื่องความร้อนกับเครื่องยนต์มันเป็นของคู่กัน ดังนั้น บริโอ้ อเมซจึงให้พัดลมไฟฟ้ามาถึง 2 ตัวในขณะที่ มาร์ช ให้พัดลมไฟฟ้ามาแค่ตัวเดียว คิดเองก็แล้วกันครับ

    • เดี๋ยวนะ ถุงลมมากกว่าแปลว่าปลอดภัยกว่า?? ใช่นะมันก็มีส่วน แต่ถ้ามีถุงลมแล้วเวลาปริ มันไม่โดนตัวคนหละจะมีไว้ทำไม แคชเทสก็ไม่มีให้ดู ส่วนใหญ้่เค้าวัดกันที่โครงสร้างนิรภัย เรื่องสามสูบกับสี่สูบไม่ต่างกันมากหรอก ถ้ามีงบสัก5แสนผมคงไม่มองอเมซหรอกนะ ลำโพงหลังยังไม่มีให้เล๊ย ในขณะที่คู่แข่งเขามีให้มากกว่าในราคาที่แพงพอๆกันหรือเพิ่มไม่กี่บาท
      สรุป มันลดต้นทุนจนน่าเกลียดแถมราคาขายไม่ได้ถูกเลย

ใส่ความเห็น